แมกนีเซียม : พื้นฐานของสุขภาพทีดี

แมกนีเซียมและสุขภาพของเส้นโลหิตแดง

ดร.อัลทูร่า ให้ความเห็นว่า การมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายสูง จะทำให้มีระดับโคเลสเตอรอลต่ำ เขากล่าวว่าเราอาจป้องกันการก่อต ัวของพล้าคที่พบตามผนังหลอดเลือดที่แข็งและเสื่อมด้วยการรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

เป็นที่รู้กันแล้วว่า การขาดแมกนีเซียมจะทำให้เลือดมีความโน้มเอียงที่จะแข็งตัวเพิ่มขึ้น ดร.อัลทูร่า กล่าวว่า "เนื่องจากแมกนีเซียมทำ ให้ปฏิกิริยาของเพลตเลตเกิดความสมดุลย์จึงพิจารณาได้ว่าแร่ธาตุชนิดนี้มีความเป็นไปได้สูงมากในการลดหรือป้องกันการเ กิดลิ่มในหลอดเลือดเข้าสู่หัวใจ ปอด และสมอง ซึ่งสามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้"

เนื้อเยื่อของหลอดเลือดสมองมีความเข้มข้นของแมกนีเซียมมากกว่าเนื้อเยื่อในอวัยวะอื่น ๆ ถึง 2 เท่า และมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงค วามเข้มข้นของแมกนีเซียมมาก การขาดแมกนีเซียมทำให้หลอดเลือดหดตัวลงเช่นเดียวกับหลอดเลือดหัวใจ

การทดลอง : ดร.อัลทูร่า ได้วัดกรีของความตึงเครียดในหลอดเลือดแดงที่เข้าสู่สมองของสุนัข ขั้นแรกใช้สารละลายที่ไม่มีแมกนีเซียม ขั้นต่อมาให้สารละลายที่มีแมกนีเซียมสูง ปรากฏว่าถ้าไม่มีแมกนีเซียม ความตึงเครียดได้เกิดขึ้นกับหลอดเลือดแดงอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้ามพอให้แมกนีเซียมเข้าไปอย่างทันทีทันใด ความตึงเครียดในหลอดเลือดแดงในสมองก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วเ ช่นกัน

ดร.อัลทูร่า ยังได้พบอีกว่า การหดตัวของหลอดเลือดในสมองที่เกิดจากสารอื่น ๆ เช่น ซีโรโทนิน และพรอสตาแกลนดิน จะผ่อนคลายลงอย่างง่ายดายแทบไม่น่าเชื่อเมื่อได้รับแมกนีเซียมเพิ่ม

ดร.อัลทูร่า แนะนำว่าการรักษาด้วยแมกนีเซียมให้ประโยชน์แก่สมองขาดเลือด (ischemia) และหลอดเลือดกระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีประโยชน ์ในการป้องกันหลอดเลือดในสมองตีบตัน (อัมพาต) และการอุดตันของหลอดเลือดในสมองอีกด้วย

แมกนีเซียมอาจบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน

เป็นที่ทราบกันด้วยว่าอาการปวดศีรษะไมเกรน เกิดจากการกระตุก (spasm) ของหลอดเลือด ความจริงแล้วมักจะเกิดกับสตรีตั้งครรภ์ทั้งที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ หรือจวนจะคลอด ซึ่งเป็นเวลาที่ขาดธาตุแมกนีเซียม สตรีเหล่านี้อาจเป็นโรคครรภ์เป็นพิษ ซึ่งทำให้ชักได้ง่าย ซึ่งการวิจัยได้พบว่าเกิดจากการขาดแมกนีเซียม

น.พ.เค็นเน็ธ วีเวอร์ แห่งมหาวิทยาลัยอีสต์ เทนเนสซี่ ได้กล่าวว่าไมเกรนหายได้ด้วยแมกนีเซียม ในการศึกษาเรื่องนี้ เขาได้ทำการศึกษากับสตรี 500 คน ในจ ำนวนนี้มี 300 คนที่มีครรภ์และประมาณ 60 คนได้รับประทานยาคุมกำเนิดซึ่งมักจะทำให้เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน สตรีทั้ง 500 คน ปวดศีรษะไมเกรน ทุกคน และทุกคนเริ่มรับประทานแมกนีเซียมวันละ 200 มิลลิกรัมทุกวัน ทำให้สตรีเหล่านี้ 80 เปอร์เซ็นต์หายจากปวดศีรษะไมเกรนอย่างสมบูรณ์ ความจริงแล้ว การบรรเทาได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก คือพอรู้สึกว่าจะปวดศีรษะก็รีบรับประทานแมกนีเซียม อาการปวดก็หายไปในครึ่งชั่วโมง

การใช้โภชนาการกับโรคลมบ้าหมู

นักวิจัยที่ International Center for the Disabled (ICD) ที่นิวยอร์ค ได้พบว่าใน เซลล์เม็ดเลือดแดงในคนไข้โรคลมบ้าหมูจำนวนหนึ่งที่รักษาด้วยาไม่หาย< wbr>นั้นขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม ดร.รอเบิร์ต ฟรีค ได้รายงานว่า ด้วยการใช้ไบโอฟีดแบ็ค, ควบคุมการบริหารการหายใจ และรับประทานอาหารที่ไม่มีนม น้ำตาล กาแฟ และแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็สามารถลดการเป็นโรคลมบ้าหมูลงจากสัปดาห์ละ 5 ครั้ง เหลือเดือนละครั้งหรือไม่เป็นเลยเป็นเ วลาหลายเดือนเป็นครั้งแรกในหลายปีที่ผ่านมา

นักวิจัยกล่าวว่า เขาได้วางแผนว่าจะเสริมแมกนีเซียมเข้าไปในอาหารของคนไข้ ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้คนไข้ของเขาเป็ นโรคนี้น้อยลง

การขาดแมกนีเซียมที่แท้จริง

แพทย์ได้มองข้ามการขาดแมกนีเซียมไปใช่หรือไม่?

เมื่อ 15-20 ปีที่ผ่านมา การขาดแมกนีเซียมถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยาก แต่ปัจจุบันนี้นักวิจัยเกี่ยวกับแมกนีเซียมพูดว่า การขาดแมกนีเซียมได้แพร่หลายไปมากกว่าที่แพทย์ส่วนมากรู้

ดร.อัลทูร่า กล่าวว่า"สถิติทางด้านโภชนาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งของซีกโลกตะวันตกบ่งชี้ว่า การได้รับแมกนีเซียมจากอาหารได้ลดลงเรื่อย ๆ จนคนเป็นจำนวนมากอยู่ในภาวะที่ "จวนเจียนจะขาดอยู่แล้ว" การวิจัยที่มหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ ที่น็อกซ์วิลล์ ได้พบว่าสตรีมีคร รภ์มีธาตุแมกนีเซียมในร่างกายน้อยกว่าที่ทางการแนะนำ 60 เปอร์เซ็นต์ หรือน้อยกว่า น.พ.วีเวอร์ ได้คาดไว้ อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของสตรีวัยสาวที ่เขาพบจะขาดแมกนีเซียม ดร.ชีแฮน ก็เชื่อว่าครึ่งหนึ่งของคนสูงอายุที่เขาทำการรักษาอยู่ขาดธาตุแมกนีเซียม

ดร.ชีแฮน กล่าวว่า แพทย์ส่วนมากไม่ค่อยนึกถึงการขาดแมกนีเซียม ตัวอย่างเช่นคนไข้ที่เขาพบ แพทย์ที่เขารักษาอยู่ มักจะทึกทักเอาว่าอาการอ่อนเพลีย หัวใจเต้นไม่สม่ำสเมอ และเครียด เป็นผลที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ของโรคต่าง ๆ เช่น หัวใจล้มเหลวเพราะเลือดคั่ง คน ไข้ที่หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอนั้นเขาได้ใช้แมกนีเซียมรักษาให้หายได้ ไม่มีแพทย์คนไหนเลยที่รักษาคนไข้เหล่านี้ยอมรับร ายงานจากห้องทดลองที่บอกว่ามีระดับแมกนีเซียมต่ำหรือรักษาคนไข้ด้วยแมกนีเซียม

เหตุผลที่คนปัจจุบันขาดแมกนีเซียมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เพราะว่า คนมีอายุยืนขึ้นและมีชีวิตอยู่ได้ทั้ง ๆ ที่มีโรคประจำตัวเรื้อ รังอยู่ด้วยการใช้ยาต่าง ๆ เช่น ยาขับน้ำ ยาดิจิแทลลิส ยาปฏิชีวนะ การรักษาด้วยสารเคมีซึ่งล้วนทำให้ขาดแมกนีเซียมทั้งสิ้น

สาเหตุใหญ่ของการขาดแมกนีเซียมคือโภชนาการที่ไม่ได้ ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้ทาง RDA ของสหรัฐฯ แนะนำให้ได้รับแมกนีเซียมวันละ 270 ถ ึง 400 มิลลิกรัม และนักวิจัยหลายคนบอกว่าปริมาณนี้ต่ำเกินไป

อาหารที่มีธาตุแมกนีเซียมมากได้แก่ นัทต่าง ๆ (ที่หาง่ายก็ได้แก่ถั่วลิสง มะม่วงหิมพานต์ อัลม่อนด์) ส่วนแอลกอฮอล์ ไขมัน และโปรตีนปริมาณสูงจะขับแมกน ีเซียมออกจากร่างกาย และแมกนีเซียมก็ทำงานอย่างใกล้ชิดกับแคลเซียม เราจะต้องได้รับแคลเซียมมากกว่าแมกนีเซียม 1 1/2เท่า การรักษาด้วยแมกนีเซียมจะได้ผลอย่างเต็มที่จะต้องได้รับไวตามิน บี 6 อย่างเพียงพอด้วย

อาหารที่มีแมกนีเซี่ยมมาก
อาหาร ปริมาณ แมกนีเซียม (ม.ก.)
แป้งถั่วเหลืองสด 1/2 ถ้วย
180
เต้าหู้สด 1/2 ถ้วย
127
อับม่อนด์แห้ง 1/4 ถ้วย
105
Black-eyed peas แห้ง 1/4 ถ้วย
98
ถั่วเหลืองคั่ว 1/4 ถ้วย
98
วีทเจอมอบ 1/4 ถ้วย
91
มะม่วงหิมพานต์อบ 1/4 ถ้วย
89
ผักพวยเล้งสุก 1/2 ถ้วย
79
ถั่วเหลืองต้ม 1/2 ถ้วย
74
แป้งสาลีไม่ขัดขาว (โฮลวีท) 1/2 ถ้วย
68
ถั่วลิสงทุกชนิด (คั่ว) 1/4 ถ้วย
64
ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย
56
มันฝรั่งขนาดกลาง (ปิ้ง) 1 หัว
55
กล้วย 1 ใบ
35
ปลาแซลม่อนกระป๋อง 1/2 ออนซ์
33
ข้างกล้อง (สุก) 1 ถ้วย
28
นมไม่มีไขมัน 1/2 ถ้วย
28

พ.อ.หญิง ศรีนวล เจียจันทร์พงษ์ แปลและเรียบเรียงจากเรื่อง The Health Power of Magnesium : AMedical Roundup หนังสือ The Complete Book of Vitamins and Minerals for Health และ
ศรีนวล เจียจันทร์พงษ์ คอลัมภ์เรื่องยาวประจำฉบับ อาหาร & สุขภาพ ปีที่ 8 ฉบับที่ 57 พ.ศ. 2538 หน้า 50-53