เมื่อวันที่ 15 – 16 มิถุนายนศกนี้ ภูเขาไฟ Pinatubo ในประเทศฟิลิปปินส์ได้ระเบิด หลังจากที่ได้นอนสงบนิ่งมานาน 600 ปี การระเบิดครั้งนี้ จัดได้ว่าเป็นการระเบิดของภูเขาไฟ ครั้งใหญ่ที่สุดประจำศตวรรษ เถ้าถ่าน ฝุ่นละออง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ลอยเป็นพวย พุ่งขึ้นไปในบรรยากาศชั้นบนถึงระดับความสูง 23 กิโลเมตร และเพียงแค่สามอาทิตย์เท่านั้น กระแสลมแรงเหนือโลกก็ได้พัดพาละอองดาวเหล่านี้ แผ่กระจายเป็นสายสะพายขนาดยักษ์ พาดไปบนฟ้าครอบคลุม 40% ของพื้นที่โลกเบื้องล่าง
ฝุ่นภูเขาไฟสะท้อนแสงอาทิตย์ ที่มาตกกระทบได้ล้ำเลิศ ดังนั้นจึงทำหน้าที่บดบังแสงอาทิตย์ได้ดียิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้บรรยากาศของโลกเบื้องล่างจึงเย็นลง นักอุตุนิยมวิทยาจาก National Oceanic and Atmospheric Administration(NOAA) ของสหรัฐอเมริกาได้คำนวณพบว่า อิทธิพลจากการระเบิดของภูเขาไฟ Pinatubo ครั้งนี้จะทำให้อุณหภูมิของอากาศ ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรลดต่ำลง 2 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิของอากาศทั้งโลกในช่วงระยะเวลา 2 – 4 ปีข้างหน้า เย็นลงครึ่งองศาเซลเซียส
การทำนายนี้มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะในปี พ.ศ. 2426 ตอนที่ภูเขาไฟ Krakat ของอินโดนีเซียระเบิดนั้น ฝุ่น ดิน และผงถ่านปริมาณหนึ่งหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ลอยฟุ้งฟ้านานถึงขนาดที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในทวีปยุโรปตอนเหนือ ไม่มีฤดูร้อนไปหนึ่งปี
นอกจากเถ้าถ่านที่กระเด็นออกมาจากภูเขาไฟแล้ว นักธรณีวิทยายังพบว่า แร่มีค่า เช่น ทองคำ โครเมียม ทองแดง ฯลฯ ได้ไหลทะลักออกมา