อาณาจักรโรมัน

ในราวศตวรรษที่ 100 BC คลื่นการอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นของชาวอินโด-ยูโรเนียนได้กระจายไปทั้งภูมิภาค ชาวอินโด-ยูเรเนียนใช้อาวุธและเครื่องใช้ทำจากเหล็ก และได้ตั้งถิ่นฐานที่อิตาลีในปัจจุบัน ตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์ มีการทำนา เพาะปลูก อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก มีการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มชน และสร้างเป็นหมู่บ้านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งต่อมาเจริญก้าวหน้ามาเป็น กรุงโรม จากหลักฐานที่ค้นพบทำให้ทราบว่า โรมได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 753 BC แต่การพัฒนาได้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น หรือหลังจากนั้น โดยได้รับอิทธิพลของอีตรุสคาน (Etruscan) คนงานช่างโลหะที่มาจากเอเซียไมเนอร์

การขยายตัวของอาณาจักรโรมันขยายตัวออกไปได้มาก อย่างไรก็ดี มีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นหลายครั้ง หลังจากสงครามกลางเมืองที่เกิดการแย่งชิงกันในช่วงเวลาจากปี 82-79 BC ซึ่งอยู่ในยุคของเผด็จการซุลล่า (Sulla) ต่อมาก็เป็นยุคของปอมเปย์ (Pampey) ระหว่างปี 52-46 BC และก็มาถึงยุคซีซาร์ (45-44BC) และจบลงด้วยชัยชนะของอ็อกตาเวียนในปี 31 BC ที่ต่อมาได้ฉายาว่าออกัสตุส (Augustus) และได้สร้างอาณาจักรโรมันให้เป็นปึกแผ่นตั้งแต่ปี 27 BC

อาณาจักรโรมันครอบคลุมไปไกล ครอบคลุมยุโรปเกือบหมดตะวันออกกลางและอัฟริกาเหนือ การขยายอาณาจักรยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในยุคจักรพรรดิ์ ทราจัน (Trajan) ระหว่างปี คศ. 98-117 และ ฮาเดรียน (Hadrian) ในปี คศ. 117-138

ความล่มสลายของอาณาจักรโรมัน เกิดจากการแก่งแย่งชิงดี และสงครามกลางเมือง ทำให้อาณาจักรโรมันซึ่งเต็มไปด้วยศิลปวิทยาการต่าง ๆ เกิดความอ่อนแอ ชาวบาร์บาเรียนที่เป็นชนชาวเขาเข้ามาบุกและทำลายโรมัน กรุงโรมเกิดการล้มสลาย ว่ากันว่าทำให้เกิดการสูญหายของวิทยาการต่าง ๆ ไปมากมายจากการถูกทำลายในปี คศ. 235 ต่อมา ไดโอคลีไทน์ (Diocletian) (284-305) พยายามก่อร่างสร้างเมืองใหม่ ต่อมา จักรพรรดิ์คอนสแตนติน (Constantine) (306-337) ได้ย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่ไบเซนไทน์ (Byzantine) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล ต่อมา ในปี 395 ก็ได้แบ่งแยกออกเป็นสองอาณาจักร คือ ทางทิศตะวันออกขึ้นกับกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ล และอาณาจักรโรมันทางทิศตะวันตกขึ้นกับกรุงโรม จนกระทั่งถึงปี คศ. 476 อาณาจักรโรมันทางตะวันออกก็ถึงจุดจบ

ที่มา: รศ. ยืน ภู่วรวรรณ, สำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์