เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องอาศัยหน่วยความจำหลักเพื่อใช้เก็บข้อมูลและคำสั่งซีพียูมีการทำงานเป็นวงรอบโดยการคำสั่งจากหน่วยความจำหลักมาแปลความหมายแล้วกระทำตาม
เมื่อทำเสร็จก็จะนำผลลัพธ์มาเก็บในหน่วยคำจำหลัก
ซีพียูจะกระทำตามขั้นตอนเช่นนี้เรื่อย
ๆ ไปอย่างรวดเร็ว เรียกการทำงานลักษณะนี้ว่า
วงรอบของคำสั่ง
จากการทำงานเป็นวงรอบของซีพียูนี้เอง
การอ่างเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำหลักจะต้องทำได้รวดเร็ว
เพื่อให้ทันการทำงานของซีพียู
โดยปกติถ้าให้ซีพียูทำงานความถี่ของสัญญาณนาฬิกา
33 เมกะเฮิรตซ์ หน่วยความจำหลักที่ใช้ทั่วไปมักจะมีความเร็วไม่ทัน
ดังนั้นกลไกของซีพียูจึงต้องชะลอความเร็วลงด้วยการสร้างภาวะรอ
(wait state) การเลือกซื้อไมโครคอมพิวเตอร์จึงต้องพิจารณาดูว่ามีภาวะรอในการทำงานด้วยหรือไม่
หน่วยความจำหลักที่ใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์จึงต้องกำหนดคุณลักษณะ
ในเรื่องช่วงเวลาเข้าถึงข้อมูล (access
time) ค่าที่ใช้ทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ
60 นาโนวินาที ถึง 125 นาโนวินาที ( 1 นาโนวินาทีเท่ากับ
10-9 วินาที) แต่อย่างไรก็ตาม มีการพัฒนาให้หน่วยความจำสามารถใช้กับซีพียูที่ทำงานเร็วขนาด
33 เมกะเฮิรตซ์ ได้ โดยการสร้างหน่วยความจำพิเศษมาคั่นกลางไว้
ซึ่งเรียกว่า หน่วยความจำแคช (cache memory)
ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เพิ่มเข้ามาเพื่อนำชุดคำสั่ง
หรือข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ก่อน
เพื่อให้ซีพียูเรียกใช้ได้เร็วขึ้น
การแบ่งประเภทหน่วยความจำหลัก
ถ้าแบ่งตามลักษณะการเก็บข้อมูล กล่าวคือถ้าเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้แล้ว
หากไฟฟ้าดับ คือไม่มีไฟฟ้าจ่ายให้กับวงจรหน่วยความจำ
ข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปหมด เรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า
หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ (volatile memory)
แต่ถ้าหน่วยความจำเก็บข้อมูลได้โดยไม่ขึ้นกับไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจร
ก็เรียกว่า หน่วยความจำไม่ลบเลือน (nonvolatile
memory)
แต่โดยทั่วไปการแบ่งประเภทของหน่วยความจำจะแบ่งตามสภาพการใช้งาน
เช่น ถ้าเป็นหน่วยความจำที่เขียนหรืออ่านข้อมูลได้
การเขียนหรืออ่านจะเลือกที่ตำแหน่งใดก็ได้
เราเรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า แรม
(Random Access Memory: RAM) แรมเป็นหน่วยความจำแบบลบเลือนได้
และหากเป็นหน่วยความจำที่ซีพียูอ่านได้อย่างเดียว
ไม่สามารถเขียนลงไปได้ ก็เรียกว่า รอม
(Read Only Memory : ROM) รอมจึงเป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมไว้ถาวร
เช่นเก็บโปรแกรมควบคุมการจัดการพื้นฐานของระบบไมโครคอมพิวเตอร์
(bios) รอมส่วนใหญ่เป็นหน่วยความจำไม่ลบเลือนแต่อาจยอมให้ผู้พัฒนาระบบลบข้อมูลและเขียนข้อมูลลงไปใหม่ได้
การลบข้อมูลนี้ต้องทำด้วยกรรมวิธีพิเศษ
เช่น ใช้แสงอุลตราไวโลเล็ตฉายลงบนผิวซิลิกอน
หน่วยความจำประเภทนี้มักจะมีช่องกระจกใสสำหรับฉายแสงขณะลบ
และขณะใช้งานจะมีแผ่นกระดาษทึบปิดทับไว้
เรียกหน่วยความจำประเภทนี้ว่า อีพร็อม (Erasable
Programmable Read Only Memory : EPROM)
รวบรวมจาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน เล่ม 11
|